วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

แบบทดสอบ HTML


1. HTML ย่อมาจากข้อใด
ก. Hyper Text Markup Language
ข. Hyper Text Makeup Language
ค. Hypermedia Text Markup Language
ง. Hidden Text Markup Language

2. เอกสาร HTML ปกติจะมีนามสกุลตามข้อใด
ก. HTM
ข. HTML
ค. THML
ง. ก และ ข

3.โปรแกรมใดที่ใช้สร้างเอกสาร HTML ไม่ได้
ก. Edit Plus
ข. Notepad
ค. Microsoft word
ง. Photoshop

4. เอกสารHTML ที่จะใช้ในการแสดงหน้าเว็บเพจต่างๆจะเก็บไว้ที่ใด
ก. Internet
ข. Client
ค. Server
ง. Browser

5.โปรแกรมที่ใช้สำหรับดูหน้าเว็บเพจคือโปรแกรมอะไร
ก. Internet
ข. Browser
ค. Homepage
ง. Interpreter

6.การสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตใช้โปรโตคอลชนิดใด
ก. FTP
ข. WWW
ค. Telnet
ง. HTTP

7.Internet Explorer , Netscape Communicator เป็นโปรแกรมชนิดใด
ก. Internet
ข. IRC
ค. Browser
ง. Text Editor

8.ภาษา HTML แบ่งโครงสร้างออกเป็นกี่ส่วน
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 4

9.การเขียนข้อความเพื่อให้ปรากฏบนไตเติ้ลบาร์ของโปรแกรมเว็บเบราเซอร์จะต้องเขียนไว้ส่วนใด
ก. ส่วนหัว
ข. ส่วนเนื้อหา
ค. ส่วนกำหนดชนิดข้อมูล
ง. ส่วนหมายเหตุ

10. เนื้อหาที่ต้องการแสดงเว็บเพจจะต้องเขียนไว้ที่ส่วนใด
ก. ส่วนหัว
ข. ส่วนเนื้อหา
ค. ส่วนข้อกำหนด
ง. ส่วนหมายเหตุ

11. ข้อใดกล่าวถึงอินเตอร์เน็ต(Internet)ได้ถูกต้องที่สุด
ก.เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อถึงกันทั่วโลก
ข.เครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์การ
ค.เครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในประเทศ
ง.ถูกทุกข้อ

12. อินเตอร์เน็ต ถูกพัฒนามาจากระบบเครือข่าย
ก.Micro Net
ข.NECTEC
ค.MILNET
ง.ARPANET

13. Protocol หมายถึงข้อใด
ก.หมายเลขเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในระบบเครือข่าย
ข.เว็บไซต์ที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลหลาย ๆ ประเภท
ค.ภาษาสื่อสารของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต
ง.ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต

14. 164.115.31.64 หมายถึงสิ่งใด
ก.E- mail Address
ข.IP Address
ค.Internet Account
ง.DNS

15. ชื่อเครื่องในระบบอินเตอร์เน็ตที่ใช้ IP Address คือข้อใด
ก.Protocal
ข.TCP/IP
ค.Domain Name Server (DNS)
ง.HTTP

เฉลยแบบทดสอบ
1. ก. Hyper Text Markup Language
2. ง. ก และ ข ถูก
3. ง. Photoshop
4. ค. Server
5. ข. Browser
6. ง. HTTP
7. ข. IRC
8. ข. 2
9. ก. ส่วนหัว
10. ข. ส่วนเนื้อหา
11. ก . เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อถึงกันทั่วโลก
12. ง. ARPANET
13. ค. ภาษาสื่อสารของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต
14. ข. IP Address
15. ค. Domain Name Server (DNS)

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ความหมายของ HTML


ภาษา HTML (HyperText Markup Language) เป็นภาษาหลักที่ใช้ในการสร้างเวบเพจ (Web Page) เป็นภาษาประเภท Markup Languageเกิดขึ้นจากการพัฒนาระบบ World Wide Web ในเดือนมีนาคม 1989 โดยนักวิจัยจากสถาบัน CERN (Conseil European Pour La Recherche Nucleaire) ซึ่งเป็นห้องทดลองในเมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อ ทิม เบอร์เนอร์ - ลี (Tim Berners - Lee) ซึ่ง ทิม เบอร์เนอร์ - ลี ได้นำแนวความคิดในเรื่อง Hypertext ของ Vannevar Bush และ Ted Nelson มาใช้เพื่อกระจายข้อมูลในองค์กร ต่อมามีการพัฒนาและกำหนดมาตรฐานโดยองค์กรที่ชื่อว่า W3C (World Wide Web Consortium)ภาษา HTML เป็นภาษาที่มีลักษณะของข้อมูลที่เป็นตัวอักษรในมาตรฐานของรหัสแอสกี (ASCII Code) โดยเขียนอยู่ในรูปของเอกสารข้อความ (Text Document) จึงกำหนดรูปแบบและโครงสร้างได้ง่าย ภาษา HTML ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ HTML Level 1 (รุ่นดั้งเดิม), HTML 2.0, HTML 3.0, HTML 3.2 และ HTML 4.0 ซึ่งเป็นรุ่นที่นิยมเขียนกันในปัจจุบัน (ขณะนี้ W3C ได้พัฒนา HTML 4.01 ออกมาแล้ว เพื่อลองรับมาตรฐานภาษา XML) จึงทำให้ภาษา HTML ในปัจจุบันสามารถแสดงภาพทางกราฟฟิกและระบบเสียงได้ เพื่อตอบสนองในการทำงานในปัจจุบันภาษา HTML สามารถสร้างขึ้นได้จากโปรแกรมสร้างไฟล์ข้อความ (Text Editor) ทั่ว ๆ ไป เช่น Notepad หรือ Word Processing ได้ อีกทั้งง่ายต่อการเรียนรู้เพราะภาษา HTML ไม่มีโครงสร้างความเป็น Programming เลยแม้แต่น้อย และไฟล์ที่ได้จากการสร้างเอกสาร HTML ยังมีขนาดเล็กอีกด้วยนามสกุลของไฟล์ HTML จะเป็นไฟล์นามสกุล .htm หรือ .html ซึ่งใช้ในทั้งระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (UNIX) และระบบปฏิบัติการ Windowsและเรียกใช้งานได้จากเว็บบราวเซอร์ (Web Browser) เช่น Internet Explorer หรือ NetScapeTagTag เป็นลักษณะเฉพาะของภาษา HTML ใช้ในการระบุรูปแบบคำสั่ง หรือการลงรหัสคำสั่ง HTML ภายในเครื่องหมาย less-than bracket ( < ) และ greater-than bracket ( > ) โดยที่ Tag HTML แบ่งได้ 2 ลักษณะ คือTag เดี่ยวเป็น Tag ที่ไม่ต้องมีการปิดรหัส เช่นเป็นต้นTag เปิด/ปิดเป็น Tag ที่ประกอบด้วย Tag เปิด และ Tag ปิด โดย Tag ปิด จะมีเครื่องหมาย slash ( / ) นำหน้าคำสั่งใน Tag นั้นๆ เช่น …, … เป็นต้นAttributesAttributes เป็นส่วนขยายความสามารถของ Tag จะต้องใส่ภายในเครื่องหมาย < > ในส่วน Tag เปิดเท่านั้น Tag คำสั่ง HTML แต่ละคำสั่ง จะมี Attribute แตกต่างกันไป และมีจำนวนไม่เท่ากัน การระบุ Attribute มากกว่า 1 Attribute ให้ใช้ช่องว่างเป็นตัวคั่นเช่น Attributes ของ Tag เกี่ยวกับการจัดพารากราฟ คือ
ประกอบด้วย ALIGN=" Left / Right / Center / Justify

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Microsoft Excel

ความหมายของ Microsoft Excel
โปรแกรม Microsoft Excel เป็นโปรแกรมประเภท Spreadsheet ซึ่งออกแบบมาสำหรับการบันทึก วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลข ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา โดยบริษัท Microsoft ทำงานบน Windows มีผู้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถที่จะทำงานได้หลายอย่าง เช่น งานด้านการคำนวณ การสร้างกราฟ แผนภูมิรูปภาพ และด้านฐานข้อมูล เป็นต้น
การเข้าสู่โปรแกรม Microsoft Excel
1. คลิกเลือกที่ปุ่ม Start ---> Programs ---> Microsoft Excel (ตำแหน่งที่ตั้ง)
2. จะปรากฏหน้าการทำงานของโปรแกรม Microsoft Excel
ส่วนประกอบต่าง ๆ ของหน้าจอโปรแกรม Microsoft Excel
1. เมื่อเปิดโปรแกรมมาแล้ว จะเห็นว่าหน้าจอจะตีตารางเป็นช่อง ๆ เราเรียกว่า กระดาษทำการ Work Sheet 2. ด้านบนที่เห็นเป็นตัวอักษร A , B , C , D , E , …….. เป็นการแบ่งแนวตั้งเราเรียกว่า คอลัมน์ Column
3. ด้านซ้ายที่เห็นเป็นตัวเลข 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , ………… เป็นการแบ่งแนวนอนเราเรียกว่า แถว Row
4. จุดตัดระหว่าง คอลัมน์ กับ แถว เราเรียกว่า เซลล์ Cell5. ที่ Cell A1 จะมีกรอบสีดำเข้ม สามารถเลื่อนไปยัง Cell ต่าง ๆ ได้ เราเรียกว่า ตัวชี้ตำแหน่งเซลล์ ปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ Cell Pointer
การเลื่อน Cell Pointer
1. ใช้เม้าส์คลิ๊กที่ เซลล์ ที่เราต้องการเลื่อน
2. ใช้ลูกศร สี่ทิศ ที่แป้นพิมพ์ในการเลื่อน
3. ใช้ปุ่ม Ctrl + Home เพื่อเลื่อนกลับมาที่ เซลล์ A1
4. ใช้ปุ่ม Ctrl + ลูกศร ขวา เพื่อเลื่อนมา คอลัมน์ ขวาสุด
5. ใช้ปุ่ม Ctrl + ลูกศร ลง เพื่อเลื่อนลงมาบรรทัดสุดท้าย
6. ใช้ปุ่ม Page Up หรือ Page Down เพื่อ เลื่อน ขึ้น หรือ ลง ทีละ 1 หน้าจอภาพ
การพิมพ์ข้อมูลลงใน Cell
1. เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ ที่ต้องการจะป้อนข้อมูล
2. พิมพ์ข้อมูลที่ต้องการ
3. กดปุ่ม Enter หรือ ใช้ลูกศร ที่แป้นพิมพ์เพื่อ เลื่อนไปทางขวา หรือ ขึ้น ลง ได้
การลบข้อมูลในเซลล์
1. เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ ที่ต้องการจะลบ
2. กดปุ่ม Delete ที่แป้นพิมพ์
การแก้ไขข้อมูล
1.เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ ที่ต้องการจะแก้ไขข้อมูล
2.กดปุ่ม F2 ที่แป้นพิมพ์
3.ทำการแก้ไขข้อมูล (สามารถใช้ลูกศร ซ้าย – ขวา ที่แป้นพิมพ์ในการเลื่อนเคอร์เซอร์ได้)
4.เสร็จการแก้ไขข้อมูล โดยการกดปุ่ม Enter
การย้ายข้อมูล (Move)
1.เลื่อนเซลล์ไปยังเซลล์ที่จะย้ายข้อมูล
2.นำเม้าส์มาแตะที่ขอบของ Cell Pointer เม้าส์จะเปลี่ยนจากรูป บวก ที่เป็นกาชาด มาเป็นลูกศร
3.กดปุ่มซ้ายของเม้าส์ ค้างไว้ เลื่อน เซลล์ได้เลย
การคัดลอกข้อมูล (Copy)
1.เลื่อนเซลล์ไปยังเซลล์ที่จะคัดลอกข้อมูล
2.นำเม้าส์มาแตะที่จุดสี่เหลี่ยมสีดำตรงมุมขวาล่างของ Cell Pointer เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมายบวกสีดำ
3.กดปุ่มซ้ายของเม้าส์ค้างไว้ แล้วเลื่อนไปยังเซลล์ที่จะคัดลอกไปได้เลย
การปรับความกว้างของคอลัมน์
1.เลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่เส้นแบ่งระหว่างคอลัมน์ (เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นรูปลูกศรสีดำ ซ้าย – ขวา)
2.กดเม้าส์ค้างไว้ แล้วลากเม้าส์เพื่อปรับความกว้าง หรือจะดับเบิ้ลคลิ๊ก เพื่อให้เครื่องปรับความกว้างอัตโนมัติ
การเขียนสูตรเพื่อทำการคำนวณในเอ็กเซล
1.คลิ๊กที่เซลล์ที่ต้องการจะคำนวณ
2.กดเครื่องหมาย เท่ากับ = เพื่อให้เอ็กเซลทราบว่า ช่องนี้ต้องการทำการคำนวณ
3.พิมพ์สูตรที่ต้องการคำนวณลงไป เช่น พิมพ์ว่า =D3*3% (D3 คือ เซลล์ที่เก็บตัวเลขที่เราจะดึงมาทำการคำนวณ)
4. เมื่อพิมพ์สูตรเสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Enter เครื่องจะทำการคำนวณคำตอบให้
การคัดลอกสูตร (Copy สูตร)
1.เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ที่จะคัดลอกสูตร
2.เลื่อนเม้าส์มาชี้ที่จุดสี่เหลี่ยมสีดำ ด้านล่างขวาของกรอบสีดำ เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย บวก สีดำ
3.กดปุ่ม ซ้าย ของเม้าส์ ค้างไว้ แล้วเลื่อนเม้าส์ลงมาเรื่อยจนครบทุกช่องที่จะก๊อปปี้
4.เมื่อปล่อยเม้าส์ เครื่องก็จะทำการคำนวณทุกช่องให้เอง
การคำนวณหายอดรวม
1.เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ที่ต้องการจะหายอดรวม
2.ด้านบน คลิ๊กที่ปุ่ม ซิกม่า (เป็นรูปตัว S )
3.จากนั้นที่เซลล์ จะมีคำสั่งให้ว่า =SUM(ตามด้วยกลุ่มเซลล์)
4.กดปุ่ม Enter เครื่องจะคำนวณหาคำตอบให้
การผสานเซลล์ให้เป็นช่องเดียวกัน
จะใช้ในกรณีที่ต้องการให้ข้อความจัดกลางระหว่างคอลัมน์ หลาย ๆ คอลัมน์ เช่น ต้องการให้ชื่อบริษัท ในบรรทัดแรกอยู่ตรงกลางระหว่าง คอลัมน์ A ถึงคอลัมน์ Fวิธีการคือ
1.นำเม้าส์ไปวางที่เซลล์ A1 จากนั้นกดเม้าส์ค้างไว้ ลากมาทางขวาจนถึงคอลัมน์ F1
2.ด้านบน คลิ๊กที่ปุ่ม a เล็ก (ถ้าเลื่อนเม้าส์ไปวางไว้ จะมีคำว่า ผสานและจัดกึ่งกลาง)
3.เครื่องจะทำการผสานเซลล์ แล้วนำข้อความมาจัดกลางให้การให้เครื่องใส่หมายเลขลำดับที่ต่อเนื่องกันไป เช่น ต้องการให้ลำดับที่เป็น 1 , 2 , 3 , 4 , ไปเรื่อย ๆ
1.คลิ๊กที่เซลล์ที่ต้องการจะเริ่มเลข 1
2.ใส่เครื่องหมายฟันเดียว ‘ ตรงแป้นพิมพ์อักษร ง ไม่ต้องยกแคร่ พิมพ์เลข 1 แล้วกด Enter
3.เลข 1 จะชิดด้านซ้าย เลื่อนเซลล์กลับมาที่เลข 1 ทำการก๊อปปี้ (เลื่อนเม้าส์ ชี้ ตรงจุดสี่เหลี่ยมสีดำตรงมุมล่างขวา เม้าส์จะเปลี่ยนรูปเป็นเครื่องหมาย บวก สีดำ กดเม้าส์ค้างไว้ แล้วลากเม้าส์ลงมาตามต้องการ พอปล่อยเม้าส์ เครื่องจะใส่ตัวเลขเรียงลำดับให้เอง)
การตีตาราง
1.ลากเม้าส์คลุมเซลล์ที่เราต้องการจะตีตาราง
2.ด้านบนที่แถบเครื่องมือบรรทัดที่สอง (แถบจัดรูปแบบ) นับจากด้านหลังปุ่มที่ 3 จะเป็นปุ่มเส้นขอบ ให้คลิ๊กที่ปุ่มสามเหลี่ยมเล็ก ๆ หลังปุ่มเส้นขอบ
3.เครื่องจะมีเส้นขอบให้เลือก ให้เลือกปุ่มที่อยู่ในบรรทัดที่ 3 ปุ่มที่ 2 เครื่องจะมีคำว่า เส้นขอบทั้งหมด
4.เครื่องจะตีตารางให้ คลิ๊กเม้าส์ที่เซลล์ไหนก็ได้ เพื่อยกเลิกแถบที่เราลากไว้
การ Save ข้อมูล จะแบ่งเป็น 2 กรณีถ้าเป็นการ Save ครั้งแรก หมายถึง เพิ่งพิมพ์งานใหม่
1.คลิ๊ก เมนู แฟ้ม
2.ลงมาคลิ๊กที่คำสั่ง บันทึกเป็น (Save As)
3.จะขึ้นหน้าต่าง Save As จากนั้นในช่องชื่อแฟ้ม เครื่องจะนำเอาบรรทัดแรกที่เราพิมพ์ มาเป็นชื่อแฟ้ม แต่ถ้าเราไม่เอาชื่อแฟ้มนั้นก็ ลบทิ้ง พิมพ์ชื่อแฟ้มที่ต้องการลงไปแล้ว คลิ๊กปุ่ม บันทึกถ้าเป็นการ Save งานเดิม หมายถึง เรียกขึ้นมาเพื่อแก้ไข แล้วจะ Save ที่เราแก้ไข
1.คลิ๊ก เมนู แฟ้ม
2.ลงมาคลิ๊กที่คำสั่ง บันทึก (Save)
3.ตรงนี้เครื่องจะไม่ขึ้นหน้าต่าง ใด ๆ เลย เครื่องจะทำการ Save ลงที่แฟ้มเดิมที่เราเรียกใช้อยู่ เพราะเครื่องทราบว่าจะ Save ที่แฟ้มใดอยู่แล้ว

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สูตร Excel

สูตร (Formular)
1.เป็นสูตรที่เราสร้างขึ้นมาเอง โดยใช้สูตร Function ร่วมกับสูตรอื่นๆ
2.ในการป้อนสูตร ลงไปในเซลล์ สูตรทุกสูตรจะต้องขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย = เสมอ ถ้าไม่ใส่หรือใส่ผิดที่ โปรแกรมจะไม่คำนวณให้
เครื่องหมายในการคำนวณ ใน Ms-Excel 97
1. เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ ได้แก่ + (บวก) - (ลบ) * (คูณ) / (หาร) ^ (ยกกำลัง) % (เปอร์เซ็นต์)
ตัวอย่างการใช้งาน
=256+179=222-81=153*3.5=145/2=10^2
2. เครื่องหมายทางตรรกะ ได้แก่ > (มากกว่า) <.(น้อยกว่า =.(เท่ากับ) <> (ไม่เท่ากับ) >= (มากกว่าหรือเท่ากับ) <= (น้อยกว่าหรือเท่ากับ)


สูตร Excel
1 .หาผลรวม =SUM(C6:C11) แปลงตัวเลขเป็นตัวอักษร=BAHTTEXT(C12)
2. หาผลรวม=SUM(C6:C11) หาค่าสูงสุด=MAX(C6:C11)
หาค่าสูงอันดับ2=LARGE(C6:C11,2) อันดับต่อไปก็เปลี่ยนเลข2เป็นเลขอันดับที่ต้องการ
หาค่ารองบ๋วย=SMALL(C6:C11,2) ค่าตำสุด =MIN(C6:C11)
3 .หาค่าเฉลี่ย =AVERAGE(C6:C11)
แสดงข้อความซ้ำๆ=REPT("a",C5) สมมุติให้ a เป็นขอ้ความให้แสดงซ้ำ และในช่องถัดไปให้ทำการลากเมาส์หรือกีอบปี้ลงมา
4. หาช่วงเว้นวรรค =FIND(" ",B4,1) และสมารถลากลงล่างเพื่อหาค่าในลำดับต่อไปได้เลย
แสดงชื่อ =LEFT(B4,9) เลข9 อ้างอิงจากผลการหาช่วงเว้นวรรคแล้วลบ1 และในอันดับต่อไปก็เอาผลช่วงเว้นวรรคลบด้วย1 แล้วใส่ลงไปแทนเลข 9
นับจำนวนตัวอักษร =LEN(B4)
แสดงนามสกุล =RIGHT(B4,11) หรือแสดงอักษรทางด้านขวาหรือต่อจากช่วงเว้นวรรค
5. สูตร if =if( "เงื่อนไข" , "สิ่งที่กระทำเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง" , "สิ่งที่กระทำเมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ" )


วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข้อสอบปรนัย 40 ข้อ เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

1.คอมพิวเตอร์มีบทบาทกับการศึกษาอย่างไร
ก. นำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น ทำสื่อต่างๆ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น
ข. ใช้ในงานบริหารของโรงเรียน เช่น การจัดทำประวัตินักเรียน ประวัติครูอาจารย์ เป็นต้น
ค. ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ เช่นการค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต
ง. ถูกทุกข้อ
2.คอมพิวเตอร์ยุคใด ใช้วงจรไอซี (Integrated Circuit) เป็นหลัก
ก. คอมพิวเตอร์ยุคแรก
ข. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2
ค. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3์
ง. คอมพิวเตอร์ยุคในยุคปัจจุบัน
3.ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)หมายถึงอะไร
ก. คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่มำให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ
ข. คือ โปรแกรมซึ่งเขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ
ค. คือเป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีผู้จัดทำไว้ เพื่อใช้ในการทำงานประเภทต่างๆ
ง. คือ ชุดของคำสั่งที่เขียนไว้เป็นคำสั่งสำเร็จรูป ซึ่งจะทำงานใกล้ชิดกับคอมพิวเตอร์มากที่สุด
4.ซอฟต์แวร์แบ่งได้เป็น 2ประเภทอะไร
ก. ซอฟต์แวร์ระบบ
ข. ซอฟต์แวร์ประยุกต์
ค. ข้อ ก และ ข ถูกง
. ผิดทุกข้อ
5.ข้อใด เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลเบื้องต้น
ก. จอภาพ
ข. คีย์บอร์ด
ค. เครื่องพิมพ์
ง. เคส
6.ซอฟต์แวร์หมายถึงอะไร
ก. อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์
ข. หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
ค. หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ง. ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์
7. ฮาร์ดแวร์หมายถึงอะไร
ก. หมายถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์
ข .หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
ค. หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ง. ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์
8.องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง
ก. ฮาร์ดแวร์ (Hard ware)
ข. ซอฟต์แวร์ (Soft ware)
ค. บุคลากร(people ware) และข้อมูล (Data)
ง. ถูกทุกข้อ
9.ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เรียกว่าอะไร
ก. ซอฟต์แวร์
ข. ฮาร์ดแวร์
ค. พีเพิลแวร์
.ร ะเบียบวิธปฏิบัติ
10.หน่วยของข้อมูลที่เกิดจากการนำบิตมารวมกันคือข้อใด
ก. Field
ข. File
ค. Byte
ง. Record
11. ข้อใดคือความหมายของคอมพิวตอร์
ก. เครื่องคำนวณอัตโนมัติ
ข. เครื่องใช้สำนักงานอัตโนมัติรุ่นใหม่
ค. อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อย่างหนึ่ง
ง. เป็นแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่ง
12. คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างไร?
ก. การถอนเงินจากเครื่อง atm
ข. การจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าโดยใช้บัตรเครดิต
ค. การสำรองที่นั่งเครื่องบินสื่อสาร’
ง. ถูกทุกข้อ
13. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะที่สำคัญของคอมพิวเตอร์?
ก. มีความเร็วสูงในการประมวลผล
ข. มีความถูกต้องเชื่อถือได้
ค. เป็นระบบอนาลอก
ง. ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และอัตโนมัติ
14. เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ทำงานด้วยระบบใด?
ก. Digital
ข. Analog
ค. Calculate
ง. Numerical
15. ข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์คือข้อใด?
ก. เครื่องมีราคาแพงมาก
. ขาดแคลนบุคลากรทางคอมพิวเตอร์
ค. การทำงานขึ้นอยู่กัมนุษย์
ง. ถูกทุกข้อ
16. ก่อนที่หน่วยงานจะเลือกนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งาน หน่วยงานนั้นๆ จะต้องดำเนินงานในเรื่องใดก่อน?ก. จัดหาบุคลากรคอมพิวเตอร์
ข. วางระบบงาน
ค. จัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ง. ถูกทุกข้อ
17. สิ่งใดที่ไม่มีในเครื่องคอมพิวเตอร์?
ก. ความคิด
ข. ความจำ
ค. การควบคุมตนเอง
ง. การเปรียบเทียบเชิงตรรกะ

18. ข้อใดคือข้อดีของคอมพิวเตอร์?
ก. มีความเร็วสูง
ข. มีความเชื่อถือได้
ค. มีความถูกต้องแม่นยำ
ง. ถูกทุกข้อ
19. ในโรงงานอุตสาหกรรมนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานด้านใด?
ก. ควบคุมการผลิต
ข. การใช้หุ่นยนต์ในการทำงานที่เสี่ยงอันตราย
ค. การวางแผนการผลิต
. ถูกทุกข้อ
20.ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริการลูกค้าในเรื่องใด?
ก. บริการ ATM
ข. บริการด้านบัตรเครดิต
ค. บริการ ณ จุดขาย
ง. บริการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า
21.ข้อใดเป็นบริการที่เราสามารถใช้ได้บนอินเตอร์เน็ต
ก. อ่านข่าวสาร ความรู้และบันเทิง
ข. รับส่งข้อความและสั่งซื้อสินค้า
ค. ดูหนังฟังเพลงและเล่นเกม
ง. สามารถใช้บริการได้ทุกข้อ
22.ชุดคำสั่งในระบบคอมพิวเตอร์เรียกว่าอะไร
. Computare
ข. Electronic
ค. lnstruction
ง. Program
23.โปรแกรมที่ใช้ในการวาดรูปภาพ แก้ไชรูปภาพ และตกแต่งภาพให้สวยงามได้คือข้อใด
ก. โปรแกรม Dos
ข. โปรแกรม Paint
ค. โปรแกรม Note Pad
ง. โปรแกรม Scandisk
24.Recy Bin ทำหน้าที่อะไร
ก. กู้ไฟล์ข้อมูล
ข. ซ่อมแซมไฟล์
ค. จัดเรียงไฟล์
ง. เป็นโฟลเดอร์สำหรับเก็บไฟล์ที่ถูกทิ้ง
25.ใช้คำสั่งที่แถบเมนู(Menu Bar)ในการเปิดแฟ้มข้อมูลเก่ามาใช้ตรงกับข้อใด
ก. คลิกเมาส์ที่เมนูเปิด (Open) เลือกแฟ้ม(File)
ขใ คลิกเมาส์ที่เมนูแฟ้ม (File) เลือกเปิด(Open)
ค. คลิกเมาส์ที่เมนูแก้ไข (Edit) เลือกเปิด(Open)
. คลิกเมาส์ที่เมนุรูปแบบ (Format) เลือกปิด(Open)
26.หารต้องการเข้าไปที่ www.sanook.comต้องพิมพ์ชื่อเว็บเพจที่ช่องใด
ก. E-Mail
ข. Search Web
ค. Password
ง. Address
27.การตั้งค่าหน้าแรกในการเปิดเว็บไซต์เรียกว่าอะไร
ก. First Site
ข. History
ค. Home
. Refrest
28. ข้อมูล 8 บิตมีกี่ไบต์
ก. 1 ไบต์
ข. 2 ไบต์
ค. 3 ไบต์
ง. 4 ไบต์
29.ข้อมูล 32บิตมีกี่ไบต์
ก. 2 ไบต์
ข. 3 ไบต์
ค. 4 ไบต์ง
. 5 ไบต์
30.หน่วยของข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุดคือข้อใด
ก. Bit
ข. Byte
ค. Charater
ง. Database

31. บริษัทที่มีบทบาทอย่างมากในการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกคือบริษัทใด
ก. IBM
ข. COMPAQ
ค. MICROSOFT
ง. DIGTAL
32.ข้อใดเป็นประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในทางธุรกิจ
ก.การฝาก-ถอนเงินผ่านตู้ ATM
ข. การจองตั๋วเครื่องบิน
ค. การเก็บภาษีกรมสรรพากร
ง. การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการสอน
33. Lap Top เป็นขนาดของคอมพิวเตอร์ชนิดใด
ก. ขนาดตั้งโต๊ะ
ข. ขนาดสมุดโน๊ต
ค. ขนาดวางตัก
ง. ขนาดฝ่ามือ
34. Note Book เป็นขนาดของคอมพิวเตอร์ชนิดใด
ก. ขนาดตั้งโต๊ะ
ข. ขนาดสมุดโน๊ต
ค. ขนาดวางตัก
ง. ขนาดฝ่ามือ
35. Palm Top เป็นขนาดของคอมพิวเตอร์ชนิดใด
ก. ขนาดตั้งโต๊ะ
ข. ขนาดสมุดโน๊ต
ค. ขนาดวางตัก
ง. ขนาดฝ่ามือ
36. ถ้าต้องการพิมพ์เอกสารในระบบ WINDOWS จะต้องคลิกที่ START MENU ใด
ก. MY DOCUMENT
ข .MY COMPUTER
ค. PROGARMง
. CONTROL PANEL
37.โดยปกติเอกสารจะจัดในลักษณะใดเป็นหลัก
ก. ชิดซ้าย
ข. ชิดจวา
ค. กึ่งกลาง
ง. ชิดขอบ
38.ข้อใดไม่อยู่ในการเพิ่มเติมลักษณะพิเศษ
ก. ชุดรูปแบบ
ข. พื้นผิว
ค. ลวดลาย
ง. รูปภาพ
39.ในการใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อเช่นลบแฟ้มข้อมูลผิดหารเราต้องการกลับคืนจะใช้คำสั่งใด
ก. ใช้คำสั่ง RE RAN
ข. ใช้คำสั่ง UNDO
ค. ใช้คำสั่ง RESTORE ใน RECYCLE BIN
ง. ใช้คำสั่ง COME BACK
40.ส่วนใดของคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่ป้อนข้อมูล
ก. Printer
ข.Monitor
ค.Mainboard
ง.Keyboard

เฉลย 1.ง 2.ค 3.ง 4.ค 5.ข 6.ข 7. ก 8.ง 9.ก10. ค
11.ค 12.ง 13.ค 14.ก 15.ค 16.ก 17.ค 18.ค 19.ง 20.ค
21.ง 22.ง 23.ข 24.ง 25 ข 26.ง 27.ก 28 .ก 29. ค 30.ก
31.ก32.ก 33.ข 34.ค 35.ง 36.ค 37.ก 38 ก.39.ค 40.ง

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คำถามเกี่ยวกับประวัติgoogle

1.ใครคือผู้ก่อตั้งgoogleขึ้นมาเป็นครั้งแรก
1.Larry Page
2.Sergey Brin
3.BackRub
4.Larry Page and Sergey Brin

2.เมื่อ google ถือกำเนิดขึ้นมีอีกธุรกิจหนึ่งที่กำลังเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดคือ
1.Dot com
2.Dot Gone Google.com
3.Search Engine
4. Indexing

3.เมื่อ Google.com เริ่มให้บริการ Search Engine นั้นในชั้นแรกมีผู้ใช้บริการวันละประมาณกี่คน
1.50,000 คน
2. 25,000 คน
3.10,000 คน
4. 20,000 คน

4.Google.com ในปี ๒๕๓๘ โดยในชั้นแรกใช้ชื่อว่าอะไร
1. Back Rub
2.Google
3. webpage
4.Dot Com

5.Larry Page และ Sergey Brin เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยใด
1. Stanford University
2.Menlo Park
3.Search Engines
4.Adwords Qualified Individual

เฉลย
1.4
2.1
3.3
4.1
5.1

ประวัติ google


ย้อนรอยประวัติความเป็นมาของ Google

ช่วงปี 1995-1997 ปี แห่งการเริ่มต้น
เป็นช่วงปีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน Google เมื่อ 2 ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ตั้งแต่แรกคือ 2 หนุ่มวัยรุ่น Larry Page และ Sergey Brin ทั้งคู่ได้รู้จักกันที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สาขา Computer science เมื่อปี 1995 ขณะนั้น Larry อายุ 24 ปี และ Sergey อายุ 23 ปี ด้วยบุคลิกที่กล้าคิดกล้าแสดงออกในบรรดาเรื่องต่าง ๆ ที่ตัวเองสนใจของทั้งคู่ ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในเรื่องของการสร้างเทคโนโลยีระบบจักรกลที่สามารถดึงสืบค้นข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ๆ ได้ ซึ่งยังเป็นหัวข้อที่สำคัญและสามารถพัฒนาต่อได้อีกมากมายในด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการขนถ่ายข้อมูล
เดือนมกราคมปี 1996 Larry Page และ Sergey Brin ได้เริ่มค้นคว้าเทคโนโลยีจักรกลค้นหาหรือว่า search engines ที่สมัยนั้น ถูกเรียกว่า BackRub ซึ่งหมายถึงความสามารถอันพิเศษที่สามารถสามารถจะเข้าไปวิเคราะห์ “back links” ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ โดยในช่วงแรก ๆ นั้น การทำงานของทั้งคู่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะยังขาดปัจจัยด้านทุนทรัพย์เหมือนกับเด็กนักศึกษาทั่วไป เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฎว่าเทคโนโลยี BackRub กลับเริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่กล่าวขวัญตื่นตาตื่นใจไปทั่วมหาวิทยาลัยกับระบบจักรกลค้นหาที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น
ปี 1998 สัญญาณของความสำเร็จ
ทั้ง 2 หนุ่มได้พยายามสานต่อรากเหง้าของเทคโนโลยีที่ตนเองคิดค้นขึ้นมาให้เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง โดยใช้หกพักของ Larry มาเป็นห้อง Data center ห้องแล็บแรกของ Google ซึ่งในช่วงแรกทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจที่จะจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้ออกไปสู่ท้องตลาด ขณะนั้นเว็บไซต์ของ Yahoo! เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ของพวกเขา แต่เหมือนฟ้าดลใจ เพราะตอนนั้น Yahoo! ไม่สนใจระบบ Search engine และมองว่ากลุ่มลูกค้าของยาฮูไม่จำเป็นต้องใช้จักรกลค้นหาแบบนี้ และแนะนำให้ Larry และ Sergey ตั้งบริษัทขึ้นมารองรับเองจะดีกว่า
เมื่อได้รับคำตอบแบบนี้ ก็เลยทำให้ทั้ง 2 คนตัดสินใจที่จะเริ่มต้นสร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นมา สิ่งแรกที่พวกเขาคิดก็คือ หาเงินทุนสำหรับใช้เป็นงบประมาณใจการย้ายออฟฟิศออกไปจากหอพักนักศึกษาแห่งนี้ และหาทางจ่ายเงินค่าฮาร์ดดิสก์ที่พวกเขาลงทุนที่จะมาช่วยโครงการนี้ให้สำเร็จ
คนแรกที่มองเห็นศักยภาพของ Search engine ก็คือ Andy Bechtolsheim ผู้ร่วมก่อตั้ง Sun Microsystems เมื่อ 2 หนุ่มได้นำโปรแกรมตัวอย่างเข้าไปนำเสนอ และได้มีการพูดคุยกันทุกเช้า
ปี 1999 เงินทุนก้อนใหญ่มาแล้ว
วันที่ 7 มิถุนายน 1999 Google ก็ได้ประกาศว่าได้มีผู้ร่วมทุนขนาดใหญ่เข้ามาอีก 2 รายคือ Mike Moritz แห่งกลุ่มบริษัทเงินทุน Sequoia และ John Doerr ของบริษัท Kleiner Perkins มานั่งอยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการบริหารของบริษัทพร้อมกับเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเข้ามาอีกถึง 25 ล้านดอลลาร์ และโปรแกรม Search Engines ก็ได้ถูก AOL/Netscape นำไปใช้สำหรับเป็นเครื่องมือด้านในเว็บไซต์ ซึ่งมียอดใช้งานสูงถึง 3 ล้านครั้งต่อวันเลยทีเดียว
เริ่มปรากฏ
ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แล้ววันหนึ่ง Andy ได้พูดประโยคที่กลายเป็นตำนานของ Google นั่นก็คือ “แทนที่จะมาพูดกันแต่เรื่องของรายละเอียดของโปรแกรม เอาเป็นว่าผมเขียนเช็คให้กับคุณเลยดีกว่า” แล้วเช็คเงินจำนวน 1 แสนดอลลาร์ก็ทำให้ Google Inc. ถูกก่อตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการนับแต่การพูดคุยกันในวันนั้น เมื่อร่วมกับเงินทุนจากญาติพี่น้องเพื่อนฝูงและคนที่มองเป็นอนาคตของ Google สุดท้ายเงินลงทุนเบื้องต้นในการสร้างอาณาจักรของ Google ก็เลยลงเอยของการเริ่มต้นที่ 1 ล้านดอลลาร์
เดือนกันยายน ปีเดียวกันนี้ที่ Menlo Park แคลิฟอร์เนียก็กลายเป็นที่พำนักใหม่ของ Google Inc. และได้ Craig Silverstein มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี หลังจากนั้นเว็บไซต์ Google.com ก็เริ่มออกสู่สายตาของนักท่องเว็บไซต์ทั่วโลก มีคนเข้ามาใช้บริการค้นหาเว็บไซต์ในช่วงแรกที่ยังเป็นเบต้าเวอร์ชันสูงถึงวันละกว่าหมื่นครั้ง พอถึงเดือนธันวาคม หนังสือ PC Magazine ได้จัดเว็บไซต์ของ Google ให้เป็นส่วนหนึ่งของ Top 100 Web Sites และ Search Engines ประจำปี 1998 มาถึงตอนนี้ชื่อของ Google ก็ไม่ได้เป็นชื่อโนเนมอีกต่อไป แต่กลายเป็นแบรนด์เนมระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว
ปี 2000 ปีแห่งการสยายปีกของ Google
เป็นปีที่อาณาจักรของ Google เริ่มค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมอย่าง Google Directory และบริการค้นหาข้อมูลผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย รวมถึงความสามารถในการให้บริการภาษาต่าง ๆ สำหรับใช้ค้นหาลิงก์เว็บไซต์ได้ถึง 10 ภาษาทั่วโลก
วันที่ 26 เดือนมิถุนายน Google และ Yahoo! ได้ประกาศการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันโดยทั้ง 2 บริษัทจะมีการและเปลี่ยนเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน เพื่อรองรับบริการที่เข้ามาสูงถึง 18 ล้านครั้งต่อวัน และตอนนี้เว็บไซต์ NetEase ของประเทศจีน และ Biglobe ของญี่ปุ่น ต่างก็ใช้ระบบค้นหาของ Google เข้ามาใช้ในเว็บไซต์ของตนเป็นครั้งแรก
บริการใหม่ ๆ ของ Google ในช่วงปีนี้ ได้แก่ AdWords บริการคีย์เวิร์ดค้นหาเกี่ยวกับการโฆษณาสำหรับธุรกิจองค์กรขนาดเล็ก และพอมาถึงช่วงปลายปี 2000 Google Toolbar ก็ได้เผยโฉมออกมาสู่ท้องตลาดเว็บไซต์ ซึ่งช่วยทำให้บริการค้นหาของ Google สามารถทำได้อย่างง่าย ๆ โดยที่ ยูสเซอร์ที่ใช้งานไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ของ Google อีกต่อไป สิ้นปี 2000 Google สามารถทำยอดสถิติคนใช้บริการค้นหา Search Engines ได้สูงถึงวันละ 100 ล้านคน การใช้งานของโปรแกรมนี้แพร่หลายไปกลุ่มคนทุกระดับที่มีการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา นักวิจัยค้นคว้า รวมถึงบริการค้นหาแบบไร้สายนั้นก็ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย เพราะอุปกรณ์มือถือนั้นมีการใช้งานกันทั่วโลก และเมื่อโทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ การมีเครื่องมือสำหรับใช้ค้นหาเว็บไซต์ต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การพิมพ์อักษรแป้นเหย้า ฟ ห ก ด่ า ส ว

บทที่1
การพิมพ์อักษรแป้นเหย้า ฟ ห ก ด่ า ส ว
กั้นหน้า2นิ้วและกั้นหลัง1นิ้วฝ฿กพิมพ์อักษรแป้นเหย้าประจำนิ้วตามแผนผังเรียงลำดับจากนิ้วก้อยซ้ายจนถึงนิ้วก้อยขวาฝึกพิมพ์จนคล่องสามารถจำได้แม่นยำอย่างน้อย1หน้าจงจำไว้ว่าสายตาต้องมองอยู่ที่แบบฝึกหัดเท่านั้นอย่าหันหลังกลับไปมองที่แป้นอักษรในกระดาษที่เครื่องพิมพ์เด็ดขาดอ่านคำสั่งก่อนพิมพ์ทุกครั้ง
บทที่2
การพิมพ์แป้น เ ง้
การก้าวนิ้ว ตามปกตินิ้วจะต้องวางอยู่ที่แป้นเหย้าประจำ แต่เมื่อต้องการพิมพ์
เป็นอักษรอื่นที่มิใช่แป้นเหย้าให้ก้าวนิ้วไปพิมพ์ทีละนิ้วเมื่อพิมพ์เสร็จแต่ละนิ้ว
ให้ดึงนิ้วกลับแป้นเหย้าประจำนิ้วทันที
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่ป้นเหย้า
แป้น เ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ไปทางขวาดีดที่แป้น เ
แป้น ไม้โท ก้าวนิ้วชี้ขวา ไปทางซ้ายดีดที่แป้น ไม้โท
แป้น ง ก้าวนิ้วก้อยขวา ไปทางขวาดีดที่แป้น ง
บทที่3
การพิม์อักษรแป้น พ ะ อี อัย อำ ร
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น พ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ขึ้นไปดีดไว้ที่แป้น พ
แป้น ะ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น ะแป้น อี ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ขึ้นไปดีดที่ อี
แป้น อัย ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ขึ้นไปดีดที่ อัย
แป้น อำ ก้าวนิ้ว กลางซ้าย ขึ้นไปดีดที่ อำ
แป้น ร ก้าวนิ้ว กลางขวา ขึ้นไปดีดที่ ร
บทที่ 4
การพิมพ์อักษรแป้น อ อิ ท อือ แ ม
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น อ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ลงมาดีดไว้ที่แป้น อ
แป้น อิ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ลงมาดีดที่ แป้น อิ
แป้น ท ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ลงมาดีที่แป้น ท
แป้น อือ ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ลงมาดีดที่แป้น อือ
แป้น แ ก้าวนิ้วกลางซ้าย ลงมาดีดที่แป้น แ
แป้น ม ก้าวนิ้ว กลางขวา ลงมาดีดที่แป้น ม
บทที่ 5
การพิมพ์อัการแป้นไ ป น ใ ๆ ผ ย
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่ป้นเหย้า
แป้น ไ ก้าวนิ้วนางซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น ไ
แป้น ป ก้าวนิ้วนางซ้าย ลงมาดีดที่แป้น ป
แป้น น ก้าวนิ้วนางขวาขึ้น ไปดีดที่แป้น น
แป้น ใ ก้าวนิ้วนางขวา ลงมาดีดที่แป้น ใ
แป้น ๆ ก้าวนิ้วก้อยซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น ๆ
แป้น ผ ก้าวนิ้วก้อยซ้าย ลงมาดีดที่แป้น ผ
แป้น ย ก้าวนิ้วก้อยขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ย
บทที่ 6
การพิมพ์อักษรแป้น บ ล ฝ -
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น บ ก้าวนิ้วก้อยขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น บ
แป้น ล ก้าวนิ้วก้อยขวาลงมาดีดที่แป้น ฝ
แป้น - ก้าวนิ้วก้อยขวาไปทางขวาดีดที่แป้น-
บทที่ 7
การพิมพ์อักษรแป้น ถ ภ ค ต อ อึ อุ
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น ถ ก้าวนิ้วชี้ซ้ายขึ้นไปดีดที่แป้น ถ
แป้น ภ ก้าวนิ้วกลางซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น ภ
แป้น ค ก้าวนิ้วชี้ขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ค
แป้น อึ ก้าวนิ้วชี้ขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น อึ
แป้น อุ ก้าวนิ้วชี้ซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น อุ
บทที่8
การพิมพ์อักษรแป้น จ ข ช _ /
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น จ ก้าวนิ้วนางขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น จ
แป้น ข ก้าวนิ้วก้อยขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ข
แป้น ช ก้าวนิ้วก้อยขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ช
แป้น _ ก้าวนิ้วนางซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น _
แป้น / ก้าวนิ้วก้อยซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น /
บทที่ 9
การพิมพ์อักษร โ ฌ็ บวก ฑ ตรี ณ
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น โ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ แล้วใช้นิ้วชี้ซ้ายดีดที่แป้น โ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ฌ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ซ้ายไปทางขวาดีดแป้น ฌ แป้นเดียวกับ เ
แป้น ไต่คู้ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ขวาไปทางซ้ายดีดแป้น ไต่คู้ แป้นเดียวกับ ไม้โท
แป้น บวก ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ แล้วใช้นิ้วชี้ขวาดีดแป้น บวก แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ฑ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ซ้ายขึ้นไปดีดีที่แป้น ฑ แป้นเดียวกับ พ
แป้น ธ ใช้นิ้วก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ซ้ายขึ้นไปดีดที่แป้น ธ แป้นเดียวกับ ะ
แป้น ตรี ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ตรี แป้นเดียวกับ อี
แป้น ณ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วกลางขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ณ แป้นเดียวกับ ร
บทที่10
การพิมพ์อักษรแป้น ฎ ฏ ษ ฆ ศ " ฯ
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น ฎ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วกลางซ้ายขึ้นไปดีดที่แป้น ฎ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ฏ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ แล้วใช้นิ้วกลางซ้ายดีดแป้น ฏ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ษ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ แล้วใช้นิ้วกลางขวาดีดที่แป้น ษ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ฆ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ แล้วใช้นิ้วนางซ้ายดีดที่แป้นแป้น ฆ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น " ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วนางซ้ายขึ้นไปดีดที่แป้น " แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ศ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ แล้วใช้นิ้วนางขวาดีดแป้น ศ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ฯ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วนางขวาขึ้นไปดีดแป้น ฯ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
บทที่11
การพิมพ์อักษรแป้น ฮ ฉ ฒ อู อะ การันต์ ?
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น ฮ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ซ้ายลงมาดีดที่แป้น ฮ แป้นเดียวกับ อ
แป้น ฉ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วกลางซ้ายลงมาดีดที่แป้น ฉ แป้นเดียวกับแป้น แ
แป้น ฒ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วกลางขวาลงมาดีดที่แป้น ฒ แป้นเดียวกับแป้น ม
แป้น อู ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ซ้ายขึ้นไปดีดที่แป้น อู แป้นเดียวกับ อุ
แป้น ะ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ก้าว นิ้วชี้ขวาขึ้นไปดีดแป้น ะ แป้นเดียวกับ อี
แป้น การันต์ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ขวาลงมาดีดแป้น การันต์ แป้นเดียวกับ อือ
แป้น ? ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ขวาลงมาดีดแป้น ? แป้นเดียวกับ ท
บทที่ 12
การพิมพ์อัการแป้น ฤ ( ) ฬ ซ ญ ฦ ฐ
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น ฤ ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ แล้วใช้นิ้วก้อยซ้ายดีดแป้น ฤ แป้นเดียวกัยแป้นเหย้า
แป้น ( ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยซ้ายลงมาดีดแป้น ( แป้นเดียวกับ ผ
แป้น) ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วนางซ้ายลงมาดีดแป้น ) แป้นเดียวกับ ป
แป้น ฬ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วนางขวาลงมาดีดแป้น ฬ แป้นเดียวกีบ ใ
แป้น ซ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ แล้วใช้นิ้วก้อยขวาดีดแป้น ซ แป้นเดียวกีบเหย้า
แป้น ฦ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยขวาลงมาดีดีแป้นฦ แป้นเดียวกับ ใ
แป้น ฐ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยขวาขึ้นไปดีดอป้น ฐ แป้นเดียวกับ บ
บทที่13
การพิมพ์อักษร 3 4 5 6 อำ .
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น 3 ใช้นิ้วก้อยขวายกกแคร่ ก้าวนิ้วกลางซ้ายขึ้นไปดีดแป้น 3 แป้นเดียวกับ -
แป้น 4 ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ซ้ายขึ้นไปดีดแป้น 4 แป้นเดียวกับ ถ
แป้น 5 ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ขวาขึ้นไปดีดแป้น 5 แป้นเดียวกับ ค
แป้น 6 ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วกลางขวาขึ้นไปดีดแป้น อำ
แป้น อำ ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ขวาขึ้นไปดีดแป้น อำ แป้นเดียวกับ อัย
แป้น . ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยขวาไปทางขวาดีดแป้น . แป้นเดียวกับ ม
แป้น . ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ซ้ายลงมาดีดแป้น . แป้นเดียวกับ อือ
การเว้นวรรค ตัวเลขคำย่อ เว้นวรรค 1 เคาะ
หลังประโยค เว้นวรรค 2 เคาะ
หลังวลี จาระไนคำ เว้นวรรค 3 เคาะ
ข้อควรระวัง การพิม์แป้นตัวเลข ห้ามใช้นิ้วจิ้มดีด
บทที่ 14
การพิมพ์แป้นอักษร 0 1 2 7 8 9 , %
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น 0 ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น 0 แป้นเดียวกับ ๆ
แป้น 1 ใช้นิ้วก้อยขวายกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น 2 แป้นเดียวกับ /
แป้น 7 ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วนางขวา ขึ้นไปดีดแป้น 7 แป้นเดียวกับ อึ
แป้น 8 ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยซ้าย ขึ้นไปดีด 8 แป้นเดียวกับ ค
แป้น 9 ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยขวา ขึ้นไปดีดแป้น 9 แป้นเดียวกับ ต
แป้น , ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยขวา ขึ้นไปดีดแป้น , แป้นเดียวกับ ล
แป้น % ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยขวา ไปทางขวาดีดแป้น % แป้นเดียวกับ -
บทที่ 15
การใช้แป้นพิมพ์เครื่องหมาย #
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น # ใช้นิ้วก้อยมือซ้ายก้าวขึ้นไปแถวบนสุดอยู่ซ้ายสุดแล
ะยกแคร่ใช้กับเลขที่มีนัมเบอร์เช็คแต่ปกติไม่ค่อยมีการใช้ในภาษาไทย

การพิมพ์อักษรแป้นเหย้า ฟ ห ก ด่ า ส ว

บทที่ 1
การพิมพ์อักษรแป้นเหย้า ฟ ห ก ด่ า ส ว
กั้นหน้า 2 นิ้วและหลัง 1 นิ้ว ฝึกพิมพ์อักษรแป้นเหย้าประจำนิ้วตามแผนผัง เรียงตามลำดับจากนิ้วก้อยซ้ายไปนิ้วก้อยขวาฝึกพิมพ์จนคล่อง สามารถจำได้แม่นยำอย่างน้อย 1 หน้า จงจำไว้ว่า สายตาต้องมองอยู่ในแบบฝึกหัดเท่านั้น อย่าหันกลับไปมองที่แป้นอักษรในกระดาษที่เครื่องพิมพ์เด็ดขาด อ่านคำสั่งก่อนพิมพ์ทุกครั้งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

บทที่ 2
การพิมพ์อักษรแป้น เ ง้
การก้าวนิ้ว ตามปกตินิ้วจะต้องวางอยู่ที่แป้นเหย้าประจำ แต่เมื่อต้องการพิมพ์แป้นอักษรอื่น ที่ไม่ใช่แป้นเหย้าให้ก้าวนิ้วไปที่ละนิ้ว เมื่อพิมพ์เสร็จแต่ละนิ้วให้ดึงนิ้วกลับแป้นเหย้าประจำนิ้วทันที
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น เ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ไปทางขวาดีดที่แป้น เ
แป้น ไม้โท ก้าวนิ้วชี้ขวา ไปทางซ้ายดีดที่แป้น ไม้โท
แป้น ง ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ไปทางขวาดีดที่แป้น ง

บทที่ 3

การพิมพ์อักษรแป้น พ ะ อี อะ อำ ร

การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น พ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ไปดีดที่แป้น พ
แป้น ะ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ไปดีดที่แป้น ะ
แป้น อี ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ไปดีดที่แป้น อี
แป้น อำ ก้าวนิ้ว กลางซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น อำ
แป้น ร ก้าวนิ้ว กลางขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ร

บทที่ 4
การพิมพ์อักษรแป้น อ อิ ท อือ แ ม
การก้าวนิ้ววางนิ้วทั้งหมดไวที่แป้นเหย้า
แป้น อ ก้าวนิ้ว ชื้ซ้าย ลงมาดีดที่แป้น อ
แป้น อิ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ลงมาดีดที่แป้น อิ
แป้น ท ก้าวนิ้ว ขวาลง มาดีดที่แป้น ท
แป้น อือ ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ลงมาดีดที่แป้น อือ
แป้น แ ก้าวนิ้ว กลางซ้าย ลงมาดีดที่แป้น แ
แป้น ม ก้าวนิ้ว กลางขวา ลงมาดีดที่แป้น ม

บทที่ 5
การพิมพ์อักษรแป้น ไ ป น ใ ๆ ผ ย
การกางนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น ไ ก้าวนิ้ว นางซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น ไ
แป้น ป ก้าวนิ้ว นางซ้าย ลงมาดีดที่แป้น ป
แป้น น ก้าวนิ้ว นางขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น น
แป้น ใ ก้าวนิ้ว นางขวา ลงมาดีดที่แป้น ใ
แป้น ๆ ก้าวนิ้ว ก้อยซ้าย ขึ้นไปดีดที่เเป้น ๆ
แป้น ผ ก้าวนิ้ว ก้อยซ้าย ลงมาดีดที่แป้น ผ
แป้น ย ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ย

บทที่ 6
การพิมพ์อักษรแป้น บ ล ฝ -
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น บ ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น บ
แป้น ล ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ล
แป้น ฝ ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ลงมาดีดที่แป้น ฝ
แป้น - ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ไปทางขวาดีดที่แป้น -

บทที่ 7
การพิมพ์อักษรแป้น ถ ภ ค ต อึ อุ
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น ถ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น ถ
แป้น ภ ก้าวนิ้ว กลางซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น ภ
แป้น ค ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ค
แป้น ต ก้าวนิ้ว กลางชวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ต
แป้น อือ ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น อือ
แป้น อุ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น อุ

บทที่ 8
การพิมพ์อักษรแป้น จ ข ช - /
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น จ ก้าวนิ้ว นางขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น จ
แป้น ข ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ข
แป้น ช ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ขึ้นไปดีดที่แป้น ช
แป้น - ก้าวนิ้ว นางซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น -
แป้น / ก้าวนิ้ว ก้อยซ้าย ขึ้นไปดีดที่แป้น /

บทที่ 9
การพิมพ์อักษรแป้น โ ฌ ๘ + ฑ ธ ๗ ณ
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น โ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ แล้วใช้นิ้ว ชี้ซ้าย ดีดแป้น โ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ฌ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ไปทางขวาแป้น ฌ แป้นเดียวกับ เ
แป้น ๘ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ใช้นิ้ว ชี้ขวา ไปทางซ้ายดีดแป้น ๘แป้นเดียวกับ ไม้โท
แป้น+ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ แล้วใช้นิ้ว ชี้ขวา ดีดแป้น +แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ฑ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น ฑ แป้นเดียวกับ พ
แป้น ธ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น ธ แป้นเดียวกับสระ
แป้น ๗ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ขึ้นไปดีดแป้น ๗ แป้นเดียวกับ สระอี
แป้น ณ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว กลางขวา ขึ้นไปดีดแป้น ณ แป้นเดียวกับ ร

บทที่ 10
การพิมพ์อักษรแป้น ฎ ฏ ษ ฆ " ศ ฯ
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น ฎ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว กลางซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น ฎ แป้นเดียวกัน
แป้น ฏ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ แล้วใช้นิ้ว กลางซ้าย ดีดแป้น ฏ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ษ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ แล้วใช้นิ้ว กลางขวา ดีดแป้น ษ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ฆ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ แล้วใช้นิ้ว นางซ้าย ดีดแป้น ฆ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น " ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว นางซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น " แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ศ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ แล้วใช้นิ้ว นางขวา ดีดแป้น ศ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ฯ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว นางขวา ขึ้นไปดีดแป้น ฯ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า

บทที่ 11
การพิมพ์อักษรแป้น ฮ ฉ ฒ อู อั้ การรันต์ ?
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น ฮ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้วชี่ซ้าย ลงมาดีดแป้น ฮ แป้นเดียวกับ อ
แป้น ฉ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้วกลางซ้าย ลงมาดีดแป้น ฉ แป้นเดียวกับแป้นกับ แ
แป้น ฒ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้วกลางขวา ลงมาดีดแป้น ฒ แป้นเดียวกับ ม
แป้น อู ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ซ้าย ขึ้นไปดีด อู แป้นเดียวกับ อุ
แป้น อั้ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ขวา ขึ้นไปดีดแป้น อั้ แป้นเดียวกับแป้น อี
แป้น การันต์ ใช้นิ้วก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ขวา ลงมาดีดแป้น การันต์ แป้นเดียวกับ อื
แป้น ? ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้วชี้ขวา ลงมาดีดแป้น ? แป้นเดียวกับ ท
บทที่ 12
การพิมพ์อักษรแป้น ฤ ( ) ฬ ซ ญ ฦ ฐการ
ก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น ฤ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ แล้วใช้นิ้วก้อยซ้าย ดีดแป้น ฤ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ( ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้วซ้าย ลงมาดีดแป้น ( แป้นเดียวกับ ผ
แป้น ) ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้วนางซ้าย ลงมาดีดแป้น ) แป้นเดียวกับ ป
แป้น ฬ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้วนางขวา ลงมาดีดแป้น ฬ แป้นเดียวกับ ใ
แป้น ซ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ แล้วใช้นิ้วก้อยขวา ดีดแป้น ซ แป้นเดียวกับแป้นเหย้า
แป้น ญ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยขวา ขึ้นไปดีดแป้น ญ แป้นเดียวกับ ย
แป้น ฦ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยขวา ลงมาดีดแป้น ฦ แป้นเดียวกับ ฝ
แป้น ฐ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้วก้อยขวา ขึ้นไปดีดแป้น ฐ แป้นเดียวกับ บ
บทที่ 13
การพิมพ์อักษรแป้น 3 4 5 6 อํ อฺ .
การก้าวนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น 3 ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว กลางซ้าย ขึ้นไปดีด 3 แป้นเดียวกับ ภ
แป้น 4 ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น 4 แป้นเดียวกับ ถ
แป้น 5 ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ชี้ขวา ขึ้นไปดีดแป้น 5 แป้นเดียวกับ ค
แป้น 6 ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว กลางขวา ขึ้นไปดีดแป้น 6 แป้นเดียวกับ อุ
แป้น อํ ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ชี้ขวาขึ้น ไปดีดแป้น อํ แป้นเดียวกับ อั
แป้น . ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ก้อยขวาไปทางขวาดีดแป้น อฺ แป้นเดียวกับ ง
แป้น อฺ ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ชี้ซ้าย ลงมาดีดแป้น อฺ แป้นเดียวกับ อิ
บทที่ 14
การพิมพ์อักษรแป้น 0 1 2 7 8 9 , %
การวางนิ้ว วางนิ้วทั้งหมดไว้ที่แป้นเหย้า
แป้น 0 ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ก้อยซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น 0 แป้นเดียวกับ ๆ
แป้น 1 ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ก้อยซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น 1 แป้นเดียวกับ /
แป้น 2 ใช้นิ้ว ก้อยขวา ยกแคร่ ก้าวนิ้ว นางซ้าย ขึ้นไปดีดแป้น 2 แป้นเดียวกับ -
แป้น 7 ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว นางขวา ขึ้นไปดีดแป้น 7 แป้นเดียวกับ จ
แป้น 8 ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ขึ้นไปดีดแป้น 8 แป้นเดียวกับ ข
แป้น 9 ใช้นื้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ขึ้นไปดีด 9 แป้นเดียวกับ ช
แป้น , ใช้นิ้ว ก้อยซ้าย ยกแคร่ ก้าวนิ้ว ก้อยขวา ขึ้นไปดีดแป้น , แป้นเดียวกับ ล
แป้น % ใช้นิ้วก้อยซ้ายยกแคร่ก้าวนิ้วก้อยขวาไปทางขวาดีดแป้น % แป้นเดียวกับ -

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ตั้งคำถามและคำตอบเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มา 5 ข้อ

1.บิดาคอมพิวเตอร์คนแรกคือใคร
1. Charles Babbage
2. Joseph Marie Jaoquard
3. Blaise Pascal
4. Chitinsee

2.ยุคของคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ยุค
1. 6 ยุค
2. 2 ยุค
3. 3 ยุค
4. 4 ยุค

3.ยุคไหนของคอมพิวเตอร์ที่มีหลอดสูญญากาศและดรัมแม่เเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญ
1. ยุคที่ 1
2.ยุคที่ 2
3.ยุคที่ 3
4. ยุคที่ 4

4. คอมพิวเตอร์มีวิวัฒพัฒนาการมาจากอะไร
1.กระดานคำนวณ
2.ลูกคิด
3.กระดานคำนวณและลูกคิด
4.กังหันน้ำ

5.ใครที่ได้ชื่อเป็นบิดาคอมพิวเตอร์คนที่2
1.Jonh Von Necmann
2.Joseph
3.Chriles
4.Howord

เฉลย
1.1
2.4
3.1
4.3
5.1